รีวิว, สินค้า

รีวิว DJI Mavic 2 Pro กับข้อมูลเชิงลึกก่อนตัดสินใจซื้อ

Mavic 2 Pro เป็นโดรนถ่ายภาพรุ่นใหม่ล่าสุดอีกรุ่นหนึ่งของแบรนด์ DJI (ดีเจไอ) ภายใต้ซีรีย์ Mavic 2 (มาวิค 2) ที่เกิดจากการนำเอาเทคโนโลยีและคุณสมบัติพิเศษของ Mavic Pro และ Phantom 4 Pro มารวมเอาไว้ด้วยกัน (สำหรับใครที่อยากรู้ว่าทั้งสองรุ่นนี้มีดีอะไรบ้าง สามารถกลับไปอ่านได้ที่บทความ เปรียบเทียบ Mavic 2 vs Mavic Pro มีอะไรใหม่ที่ทำให้เราต้องอัพเกรด ด้วยดีไซน์สุดเนี๊ยบที่ถูกออกแบบมาให้คงความเพรียวบาง กระทัดรัดตามคอนเซ็ปต์ของโดรนพับได้ คล้ายกับโดรนรุ่นพี่อย่าง Mavic Pro นอกจากนี้ยังมาพร้อมเซ็นเซอร์กล้องขนาด 1 นิ้ว ซึ่งเทียบเท่ากับ Phantom 4 Pro เลยทีเดียว ไม่แปลกที่ Mavic 2 Pro จะได้รับความสนใจจากช่างถ่ายภาพทางอากาศมืออาชีพ

ในบทความนี้ ผมได้นำเอาข้อมูลเชิงลึกต่างๆของ Mavic 2 Pro มาให้นักบินโดรนทุกท่านได้ลองทำความรู้จัก เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจกันครับ

ภายในกล่อง Mavic 2 Pro มีอะไรบ้าง?

 

Mavic 2 Pro มาพร้อมกับอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ที่จำเป็นสำหรับการบินโดรน ทำให้ทุกเที่ยวบินมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด โดยสิ่งที่อยู่ภายในกล่องมีดังนี้

– Mavic 2 Pro (ตัวเครื่อง) จำนวน 1 ชิ้น
– Intelligent Flight Battery (แบตเตอรี่) จำนวน 1 ก้อน
– Gimbal Protector (ตัวล็อกกล้อง) จำนวน 1 ชิ้น
– Remote Controller (รีโมทคอนโทรล) จำนวน 1 ชิ้น
– Propellers (ใบพัด) จำนวน 3 คู่
– Battery Charger (ที่ชาร์จแบตเตอรี่) จำนวน 1 ชิ้น
– Power Cable (สายพาวเวอร์) จำนวน 1 เส้น
– Communication Cable (สายเชื่อมต่อ USB3.0 Type-C) จำนวน 1 เส้น
– USB Adapter (อะแดปเตอร์ USB) จำนวน 1 ชิ้น
– Spare Control Sticks (คันสติ๊กสำรอง) จำนวน 1 คู่
– RC Cable (สายเคเบิล Lightning Connector) จำนวน 1 เส้น
– RC Cable (สายเคเบิล Standard Micro USB Connector) จำนวน 1 เส้น
– RC Cable (สายเคเบิล USB Type-C Connector) จำนวน 1 เส้น
– Quick Start Guide (คู่มือการใช้งานเบื้องต้น)
– Disclaimer and Safety Guidelines (หลักเกณฑ์การปฏิเสธความรับผิดและหลักเกณฑ์ด้านความปลอดภัย)
– Intelligent Flight Battery Safety Guidelines (หลักเกณฑ์ด้านความปลอดภัยแบตเตอรี่)

ความแตกต่างของกล้อง Hasselblad เซ็นเซอร์ขนาด 1 นิ้ว

 

 

Mavic 2 Pro เป็นโดรนถ่ายภาพรุ่นแรกที่ใช้กล้อง Hasselblad ที่ DJI ได้ร่วมมือกับผู้ผลิตกล้องจากประเทศสวีเดน เพื่อเพิ่มคุณภาพของภาพถ่ายที่มีความโดดเด่น และมีประสิทธิภาพของแสงสีที่สูงขึ้น ตัวกล้องมีเซ็นเซอร์ CMOS ขนาด 1 นิ้ว ทำให้ได้ภาพและวีดีโอที่มีประสิทธิภาพสูง Mavic 2 Pro ทำงานได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อย ด้วยช่วง ISO ที่เพิ่มขึ้น 3200 ถึง 12800 นอกจากนี้ ยังสามารถถ่ายภาพที่มีความละเอียดสูงสุดถึง 20 ล้านพิกเซล เมื่อเปรียบเทียบภาพถ่ายที่ได้จาก Mavic 2 Pro, Mavic Pro และ Mavic Air ทำให้เราเห็นถึงความแตกต่างของคุณภาพของกล้องอย่างชัดเจน

ขนาดและน้ำหนักเกือบเท่ากันกับ Mavic Pro

 

เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจว่า DJI สามารถรักษารูปแบบและขนาดของ Mavic 2 Pro ซึ่งเป็นโดรนที่มีการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ และกล้องคุณภาพสูงเทียบเท่าโดรนรุ่น Phantom 4 Pro ให้มีขนาดเกือบเท่ากันกับโดรนรุ่นก่อนหน้าอย่าง Mavic Pro แถมยังมีน้ำหนักที่ใกล้เคียงกันอีกด้วย โดย Mavic Pro มีน้ำหนักอยู่ที่ 734 กรัม ส่วน Mavic 2 Pro มีน้ำหนักอยู่ที่ 907 กรัมเท่านั้น ทำให้ Mavic 2 Pro สามารถยืดเวลาการใช้พลังงานแบตเตอรี่ได้ถึง 31 นาที และยังเป็นโดรนถ่ายภาพที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาสะดวก และพับเก็บได้เช่นเดิม

ฟีเจอร์ใหม่ (ระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวาง, ระบบรับส่งสัญญาณ, ระบบติดตามวัตถุ)

 

Mavic 2 Pro มีการติดตั้งระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวางแบบใหม่ เพื่อใช้ตรวจจับอุปสรรคหรือสิ่งกีดขวางรอบทิศทาง (Omnidirectional Obstacle Sensing System) ทำให้มีความปลอดภัยและมั่นใจยิ่งขึ้นระหว่างทำการบินโดรน ซึ่งเซ็นเซอร์ที่อยู่ทางด้านซ้ายและด้านขวาของ Mavic 2 Pro จะทำงานก็ต่อเมื่ออยู่ในโหมด Tripod และ ActiveTrack เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มเซ็นเซอร์อินฟราเรดที่ด้านบนและด้านล่าง เพื่อช่วยในเรื่องของการบินในพื้นที่แคบและเพิ่มความแม่นยำในการเคลื่อนที่อีกด้วย Mavic 2 Pro รองรับระบบ APAS (Advanced Pilot Assistance Systems) คือระบบที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยระหว่างการบินโดรน โดยระบบนี้จะทำงานเมื่อโดรนตรวจพบสิ่งกีดขวางในระหว่างเส้นทางการบิน โดรนจะสามารถหลีกเลี่ยงอุปสรรคเหล่านั้นได้โดยอัตโนมัติ

 

 

Mavic 2 Pro ปรับปรุงและพัฒนาระบบการรับส่งสัญญาณภาพแบบใหม่ที่เรียกว่าระบบ OcuSync 2.0 ซึ่งทำให้การรับส่งสัญญาณภาพที่ความละเอียด 1080P ได้ในระยะการบินที่ไกลถึง 8 กิโลเมตร และ Mavic 2 Pro ยังรองรับการใช้งานคลื่นความถี่ 2.4 ถึง 5.8 GHz ได้แบบออโต้ (Auto-Switching) อธิบายง่ายๆ คือโดรนสามารถปรับเปลี่ยนช่วงความถี่ได้เองแบบอัตโนมัติ เพื่อการรับส่งสัญญาณที่ดีกว่าเดิม นอกจากนี้ Mavic 2 Pro ยังออกแบบสวิตช์สำหรับการเปลี่ยนโหมดการบิน T/P/S แบบใหม่ เพื่อให้สามารถสลับโหมดการบินได้รวดเร็วเพียงไม่กี่วินาที

 

Mavic 2 Pro ได้พัฒนาระบบติดตามวัตถุเพื่อเพิ่มความแม่นยำและการทำงานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยใช้ชื่อว่า ActiveTrack 2.0 เป็นระบบที่สามารถตรวจจับและติดตามวัตถุที่เราต้องการได้ ซึ่งระบบเดิมเป็นระบบจับการเคลื่อนไหวแบบ 2 มิติ แต่สำหรับ ActiveTrack 2.0 ตัวใหม่นี้ได้รวมเอาการทำงานของระบบกล้องหลักและระบบเซ็นเซอร์มาทำงานร่วมกัน เพื่อให้สามารถจับภาพการเคลื่อนไหวของวัตถุได้แบบ 3 มิติ ทำให้มีความถูกต้องและแม่นยำสูงมาก

โหมดการถ่ายภาพอัจฉริยะ

Mavic 2 Pro มีโหมดการถ่ายภาพแบบใหม่ที่เป็นจุดเด่น 2 โหมดด้วยกัน โดยโหมดแรกที่ DJI นำเสนอคือโหมด Hyperlapse เป็นโหมดการถ่ายภาพที่อัพเกรดมาจากโหมด Timelapse ที่ปกติคือ การบันทึกภาพนิ่งในช่วงเวลาที่ห่างกันแล้วนำมาเชื่อมต่อกันเป็นวีดีโอ เพื่อให้ดูเหมือนเป็นการเร่งเวลา แต่สำหรับโหมด Hyperlapse นั้นจะสามารถถ่ายภาพเร่งเวลาแบบเดียวกันได้ พร้อมกับเคลื่อนไหวกล้องไปด้วย และยังสามารถบินถ่าย Hyperlapse โดยใช้โหมดการบินอัตโนมัตต่างๆที่มากับ Mavic 2 Pro บนแอปพลิเคชัน DJI GO 4

ส่วนโหมดต่อมาคือ Point of Interest (POI) ได้มีการออกแบบหน้าอินเทอร์เฟซใหม่ให้ง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น ช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนรัศมี ความสูง ความเร็วและทิศทางได้อย่างรวดเร็วผ่านแอปพลิเคชัน DJI GO 4 โดยโหมดนี้เหมาะสำหรับการบินถ่ายภาพเหตุการณ์หรือสถานที่สำคัญ ซึ่งสามารถเลือกจุดที่ต้องการให้โดรนบินวนรอบๆได้

Mavic 2 Pro เหมาะกับคุณหรือไม่

หากคุณเป็นมือสมัครเล่นหรือแม้แต่เป็นช่างภาพมืออาชีพ ที่กำลังมองหาโดรนที่สามารถบันทึกภาพได้ด้วยกล้องคุณภาพสูง ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก มีระบบการใช้งานที่ทันสมัย และใช้งานง่าย สามารถนำขึ้นบินได้ทันทีตามที่คุณต้องการ Mavic 2 Pro ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ดี เพราะด้วยคุณสมบัติที่ผมได้กล่าวมาทั้งหมด Mavic 2 Pro สามารถตอบโจทย์ความต้องการให้คุณได้อย่างครบถ้วนแน่นอน และ Mavic 2 Pro ราคาเพียง 56,500 บาทเท่านั้น

 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : DJI
แปลและเรียบเรียงโดย : DJI13STORE