เปรียบเทียบ

เปรียบเทียบ Mavic 2 Vs Mavic Pro มีอะไรใหม่ที่ทำให้เราต้องอัพเกรด

DJI เปิดตัว โดรนรุ่นใหม่ Mavic 2 Series ที่มีให้เลือกถึง 2 รุ่นด้วยกัน คือ DJI Mavic 2 Pro และ DJI Mavic 2 Zoom เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยและอยากรู้ว่า Mavic 2 กับ Mavic Pro รุ่นเดิมมีความแตกต่างกันยังไงบ้าง เรามาหาคำตอบของคำถามนี้ไปพร้อมๆกัน กับข้อแตกต่างหลักๆ และเปรียบเทียบสเปคแบบละเอียดระหว่าง Mavic 2 กับ Mavic Pro ว่ามีฟังก์ชั่นอะไรใหม่ๆ ที่น่าสนใจบ้าง

 

 

ภาพรวมระหว่าง Mavic 2 Series และ Mavic Pro

อันดับแรกเรามาดูตารางเปรียบเทียบสเปคและราคาของ Mavic 2 Pro, Mavic 2 Zoom และ Mavic Pro

 

 

และต่อไปนี้จะเป็นการอธิบายความแตกต่างทั้งหมด

 

ประสิทธิภาพของกล้อง

Mavic 2 Pro vs Mavic Pro: กล้อง Hasselblad และเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่

สำหรับโดรนรุ่น Mavic 2 Pro นั้น DJI ได้ร่วมกับ Hasselblad เพื่ออัพเกรดเซ็นเซอร์ของชุดกล้อง Hasselblad ให้มีคุณภาพสูงและมีความละเอียดสูงสุดที่ 20 ล้านพิกเซล โดยมีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ถึง 1 นิ้ว ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่น Mavic Pro ทำให้ได้ภาพและวีดีโอที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าถึง 4 เท่า ด้วยประสิทธิภาพของแสงและสีที่เหนือกว่า สามารถดูคุณสมบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับกล้องได้ที่บทความ กล้อง Hasselblad จุดเด่นของ DJI Mavic 2 Pro

 

 

เซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ Mavic 2 Pro ทำงานได้ดีขึ้นในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อย ด้วยช่วง ISO ที่เพิ่มขึ้น 3200 ถึง 12800 และด้วยเซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่นี้ นอกจากจะทำให้การถ่ายภาพในพื้นที่ที่มีแสงน้อยได้ดีแล้ว ยังทำให้เรานำภาพไปปรับแต่งเพิ่มเติมได้ง่ายขึ้นไปอีกด้วย คุณสามารถถ่ายภาพที่ความละเอียดสูงสุดถึง 20 ล้านพิกเซล ที่สวยงามและมีรายละเอียดมากกว่า Mavic Pro รุ่นเดิม ที่มีความละเอียดเพียง 12 ล้านพิกเซล

 

 

Mavic 2 Pro vs Mavic Pro: ปรับปรุงคุณภาพสีที่ดีขึ้น

สำหรับโดรนรุ่น Mavic 2 Pro ได้นำเอาเทคโนโลยีการถ่ายภาพของ Hasselblad Natural Colour Solution (HNCS) มาใช้ทำให้สีของภาพถ่ายดูเป็นธรรมชาติและเหมือนจริงมากขึ้น มีการรองรับโปรไฟล์สีรูปแบบ 10-bit Dlog-M ทำให้เราได้ทั้งมิติและความละเอียดของภาพนิ่งและวีดีโอที่มีคุณภาพสูง และบันทึกความละเอียดของสีมากกว่า 1 พันล้านสี ซึ่งมากกว่ารุ่น Mavic Pro ที่บันทึกความละเอียดสีเพียง 16 ล้านสี

 

 

Mavic 2 Pro vs Mavic Pro: ปรับตั้งค่ารูรับแสงได้มากขึ้น

สำหรับโดรนรุ่น Mavic 2 Pro มีความสามารถในการปรับรูรับแสงที่ f/2.8 ถึง f/11 ทำให้คุณภาพของภาพถ่ายดีขึ้นแม้ในสภาพแวดล้อมที่แสงน้อย เมื่อถ่ายภายในที่ที่มีแสงจำกัด สามารถตั้งค่ารูรับแสงได้กว้างเพื่อให้แสงเข้าสู่เลนส์ได้มากขึ้น ดังนั้นคุณจึงไม่จำเป็นต้องเพิ่มค่า ISO หรือ ลดความเร็วของชัตเตอร์ ซึ่งจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากอาจจะมีความผิดเพี้ยนของสีเล็กน้อยเมื่อคุณปรับตั้งค่า ISO

 

Mavic 2 Pro vs Mavic Pro: วีดีโอ HDR แบบใหม่

สำหรับ Mavic 2 Pro สามารถถ่ายวีดีโอด้วยความละเอียดสูงสุดระดับ 4K 10-bit HDR หมายความว่าคุณจะสามารถถ่ายวีดีโอด้วยช่วงไดนามิคที่สูงขึ้น และมีสีสันสดใสมากขึ้น คุณจะได้สีของวีดีโอที่มีความสมจริง ทั้งเรื่องความสว่างและความคมชัด นั่นจะทำให้ได้วีดีโอคุณภาพสูงที่ไม่ต้องแก้ไขเพิ่มเติมเลย

 

Mavic 2 Zoom vs Mavic Pro: เลนส์ซูมได้

สำหรับโดรนรุ่น Mavic 2 Zoom ชุดกล้องใช้เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.3 นิ้วเช่นเดียวกันกับ Mavic Pro รุ่นแรก แต่เฉพาะรุ่น Mavic 2 Zoom มาพร้อมเลนส์ที่ซูมได้ 2 เท่า มีช่วงความยาวโฟกัส 24-48 ทำให้มีความเร็วในการโฟกัสสูงกว่ารุ่นแรกถึง 40% ขณะที่ซูม ซึ่งจะทำให้การถ่ายภาพของคุณมีมุมมองที่แปลกใหม่กว่าเดิม

 

Mavic 2 Series vs Mavic Pro: บิตเรต

แม้ว่า Mavic Pro จะบันทึกวีดีโอที่มีอัตราบิตสูงสุด 60 Mbps แต่ Mavic 2 Series ทั้ง 2 รุ่น ทั้ง Mavic 2 Pro และ Mavic 2 Zoom สามารถบันทึกวีดีโอที่มีอัตราบิตที่สูงกว่าถึง 100Mbps ทำให้วีดีโอของคุณ มีความคมชัดมากขึ้นเนื่องจากการบีบอัดที่น้อยลง

 

Mavic 2 Series vs Mavic Pro: ภาพ HDR ที่ปรับปรุงใหม่

สำหรับโดรน Mavic 2 Series ทั้ง 2 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น Mavic 2 Pro หรือ Mavic 2 Zoom สามารถบันทึกภาพแบบ HDR ด้วยเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ที่มีการพัฒนาให้ดีขึ้น จะให้ภาพถ่ายที่มีความคมชัดและเก็บทุกรายละเอียดได้ดียิ่งขึ้น ภาพที่ได้จาก HDR ที่ได้รับการปรับปรุงมาใหม่นี้ จะเก็บรายะละเอียดของสีที่สูงกว่ารุ่น Mavic Pro

 

 

Mavic 2 Series vs Mavic Pro: การเข้ารหัสวีดีโอที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น (H.264 vs H.265)

ในขณะที่ Mavic Pro รองรับการเข้ารหัสวีดีโอหรือตัวแปลงสัญญาณแบบ H.264 แต่สำหรับโดรน Mavic 2 Series ทั้ง 2 รุ่น Mavic 2 Pro และ Mavic 2 Zoom สามารถรองรับการเข้ารหัสวีดีโอหรือตัวแปลงสัญญาณแบบ H.265 หรือที่เรียกว่า HEVC (High Coding Video Coding) ซึ่งทำให้รูปภาพและวิดีโอของคุณมีความละเอียดและชัดเจนยิ่งขึ้น

 

 

ฟีเจอร์และโหมดถ่ายภาพอัจฉริยะใหม่

“Hyperlapse”

โดรน Mavic 2 Pro และ Mavic 2 Zoom มีฟังก์ชั่นใหม่ที่เรียกว่า Hyperlapse ซึ่งเมื่อมีการใช้งานเครื่องจะเคลื่อนที่และบินถ่ายพร้อมกับประมวลผลวีดีโอให้โดยอัตโนมัติ โดยตัวเครื่องจะมีการเคลื่อนที่เพื่อถ่ายภาพแบบ Timelapse จากนั้นจะประมวลผลภาพถ่ายที่ได้เหล่านั้น สร้างเป็นวีดีโอ คุณจะได้วีดีโอรูปแบบใหม่ง่ายๆทันที เพียงใช้คำสั่ง Hyperlapse ในแอปพลิเคชัน DJI GO 4

 

“Dolly Zoom” ( เฉพาะรุ่น Mavic 2 Zoom เท่านั้น)

สำหรับโดรนรุ่น Mavic 2 Zoom เท่านั้น จะมีฟังก์ชันใหม่ที่เรียกว่า “Dolly Zoom” เมื่อมีการใช้งานฟังก์ชันนี้ เครื่องจะทำการบันทึกวีดีโอ ในขณะที่เครื่องกำลังบินถอยหลัง และซูมไปที่เป้าหมายที่เลือก ซึ่งจะทำให้คุณได้วีดีโอแบบใหม่ที่จะเห็นวัตถุหลักยังคงที่อยู่ ในขณะที่สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป เชื่อว่านี่จะเป็นการถ่ายวีดีโอในรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจมากแน่นอน

 

“ActiveTrack 2.0” การพัฒนาระบบติดตามวัตถุที่ดีขึ้น

สำหรับโดรน Mavic 2 Series ทั้ง 2 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น Mavic 2 Pro หรือ Mavic 2 Zoom รองรับระบบติดตามวัตถุ ActiveTrack 2.0 ที่ถูกพัฒนาให้ดีกว่าเดิม ซึ่งเป็นระบบการจับการเคลื่อนไหวของวัตถุที่ดีที่สุด แตกต่างจาก Mavic Pro รุ่นเดิมที่เป็นระบบจับการเคลื่อนไหวแบบ 2 มิติ แต่สำหรับ ActiveTrack 2.0 ตัวใหม่นี้ได้รวมเอาการทำงานของกล้องหลักและระบบเซ็นเซอร์ด้านหน้าเข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถจับภาพการเคลื่อนไหวแบบ 3 มิติ ของสภาพแวดล้อมและตำแหน่งเป้าหมายเพื่อการรับรู้และการติดตามที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 

 

ประสิทธิภาพของการบิน

เวลาในการบินยาวนานยิ่งขึ้น

สำหรับโดรน Mavic 2 Series ทั้ง 2 รุ่น Mavic 2 Pro และ Mavic 2 Zoom มีการใช้งานใบพัดแบบใหม่ที่ออกแบบมาให้ลดการประทะจากแรงลม และทำให้เสียงเงียบขึ้น หมายความว่า Mavic 2 Pro และ Mavic 2 Zoom สามารถบินในอากาศขณะที่มีลมพัดผ่านได้มากกว่า Mavic Pro รุ่นเดิมถึง 19%

 

 

โดยสรุปคือ

  • – สามารถบินได้นานขึ้นจาก 27 นาที เป็น 31 นาที เนื่องจากใช้พลังงานที่ต่ำกว่า และความจุของแบตเตอรี่ที่สูงขึ้น
  • – ความเร็วสูงสุดจาก 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 72 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในโหมด Sport ด้วยกำลังขับเคลื่อนมอเตอร์ที่สูงขึ้น
  • – มีเสียงรบกวนน้อยลงระหว่างการบิน

 

ความปลอดภัยและระบบหลบหลักสิ่งกีดขวางที่ดีขึ้น (APAS)

สำหรับโดรน Mavic 2 Series ทั้ง 2 รุ่น Mavic 2 Pro และ Mavic 2 Zoom รองรับระบบช่วยเหลือในการบิน APAS (Advanced Pilot Assistance Systems) เมื่อตัวเครื่องตรวจพบสิ่งกีดขวางในระหว่างเส้นทางการบิน เมื่อบินไปข้างหน้าหรือถอยหลัง เครื่องจะสามารถหลีกเลี่ยงอุปสรรคในเส้นทางการบินได้โดยอัตโนมัติ และด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย DJI ได้ติดตั้งระบบเซ็นเซอร์จำนวนมาก เพื่อใช้ตรวจจับอุปสรรคหรือสิ่งกีดขวางรอบทิศทาง (Omnidirectional Obstacle Sensing System) แต่สิ่งหนึ่งที่นักบินโดรนทุกคนต้องรู้ ก็คือระบบเซ็นเซอร์ด้านขวาและด้านซ้าย สามารถใช้งานได้เฉพาะในโหมด Beginner และ Tripod เท่านั้น

 

 

โปรดจำไว้เสมอว่า ระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวาง ไม่สำคัญเท่ากับการบังคับและควบคุมโดรนด้วยตนเอง มันเป็นเพียงระบบช่วยเหลือที่มีไว้เพื่อให้คุณรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นในขณะที่กำลังบินโดรน นักบินโดรนควรตรวจสอบสภาพแวดล้อมก่อนบินเสมอเพื่อความปลอดภัยในการบินที่มากยิ่งขึ้น

ระบบรับส่งสัญญาณที่พัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

สำหรับโดรน Mavic 2 Series ทั้ง 2 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น Mavic 2 Pro หรือ Mavic 2 Zoom รองรับระบบการรับส่งสัญญาณภาพแบบใหม่ OcuSync 2.0 ซึ่งให้ความละเอียดในการส่งสัญญาณภาพที่ความละเอียด 1080P ระยะบินไกลถึง 8 กิโลเมตร มากกว่ารุ่นเดิมถึง 1 กิโลเมตรอย่างรุ่น Mavic Pro ที่ใช้งานสัญญาณแบบเดี่ยวที่ความถี่ 2.4 GHz ส่วน Mavic 2 Proรองรับความถี่ 2.4 ถึง 5.8 GHz แบบออโต้ (Auto-Switching) คือปรับเปลี่ยนช่วงความถี่ได้เอง เพื่อการรับส่งสัญญาณที่ดีกว่า

 

 

โดรนรุ่น Mavic 2 Pro ราคา 56,500 บาท และ โดรนรุ่น Mavic 2 Zoom ราคา 49,000 บาท ราคาสูงกว่า Mavic Pro รุ่นเดิมที่ขายอยู่ที่ราคา 43,290 บาท ผมแนะนำว่าสำหรับช่างภาพมืออาชีพนั้นสามารถอัพเกรดเป็น Mavic 2 Pro รุ่นใหม่ ที่มีกล้อง Hasselblad เซ็นเซอร์ขนาด 1 นิ้ว ถ่ายภาพด้วยความละเอียดสูงสุด 20 ล้านพิกเซลและถ่ายวีดีโอที่ความระเอียดระดับ 4K สำหรับผู้ที่พอใจกับคุณภาพของภาพถ่ายจาก Mavic Pro อยู่แล้ว Mavic 2 Zoom จะสามารถสร้างมุมมองภาพที่แปลกใหม่ น่าสนใจด้วยเลนส์ซูมที่ยอดเยี่ยมและฟังก์ชัน “Dolly Zoom” นับว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆถ้าเทียบกับราคาที่วางขายอยู่ โปรโมชั่นพิเศษ!! ซื้อโดรนที่ DJI13Store รับฟรี!! ประกันภัยโดรน พร้อมบริการยื่นขออนุญาตบินสำนักงานการบินพลเรือนและขึ้นทะเบียนโดรน กสทช. และยังสามารถผ่อนชำระสบายๆ 0% นานสูงสุด 10 เดือน !!

 


 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : DJI
แปลและเรียบเรียงโดย : DJI13STORE