เชื่อหรือไม่ Osmo Pocket ไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์กันสั่นที่ออกแบบมาสำหรับการถ่ายภาพในเวลากลางวันเท่านั้น แต่มันยังสามารถถ่ายภาพที่สวยงามน่าประทับใจในเวลากลางคืนได้อีกด้วย คุณอาจจะเคยเห็นภาพถ่ายในเวลากลางคืนได้ทั่วๆไปด้วยเทคนิค (Long Exposure) ที่ใช้การลากความเร็วชัตเตอร์ให้นานขึ้น เพื่อเปิดรับแสงที่เข้ามาในกล้อง ในบทความนี้ DJI13Store อยากแนะนำให้คุณได้พบกับ 6 สเต็ปในการถ่ายภาพสวยๆด้วยฟังก์ชัน NightShot ที่มาพร้อมกับ DJI Osmo Pocket (ออสโม่พ็อกเก็ต)
สเต็ปที่ 1 : การตั้งค่าเริ่มต้น (Setup)
สำหรับการถ่ายภาพด้วยเทคนิค Long Exposure นั้นคุณจำเป็นต้องตั้งค่าให้กับ Osmo Pocket เสียก่อนโดยการเปลี่ยนโหมดการถ่ายภาพให้อยู่ใน Pro Mode เพื่อให้คุณสามารถทำการปรับการตั้งค่ากล้องขั้นสูงได้ ด้วยเฟิร์มแวร์ที่อัพเดทล่าสุดทำให้คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อ Osmo Pocket กับสมาร์ทโฟน คุนก็ยังสามารถใช้งาน Pro Mode ได้เช่นกัน เริ่มต้นจากหน้าจอหลัก ปัดลงด้านล่าง 1 คร้ัง และปัดไปทางซ้ายอีก 3 ครั้ง จากนั้นกดแตะที่ไอคอน PRO เพื่อเริ่มต้นการใช้งานในโหมดนี้ คุณจะสังเกตเห็นไอคอน PRO สีเหลืองขนาดเล็กแสดงอยู่ที่มุมซ้ายบนหน้าจอหลักของ Osmo Pocket นั่นแสดงว่าคุณได้เปิดการใช้งานโหมด PRO เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือเข้าเมนู Exposure เพื่อปรับตั้งค่า ISO ต่ำสุดและตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ให้ช้าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ (อย่างน้อยที่สุด 2 วินาที)
ยิ่งความเร็วชัตเตอร์ช้าลงเท่าใดจะทำให้แสงยิ่งผ่านเข้าสู่เลนส์ได้มากขึ้น แนะนำให้คุณใช้ฟิลเตอร์ ND เพื่อความสมบูรณ์แบบของภาพและหลีกเลี่ยงภาพที่สว่างเกินไป
สเต็ปที่ 2 : การสัญจรในเวลากลางคืน (Traffic at Night)
ในช่วงเวลากลางคืน หาสถานที่หรือจุดที่ใกล้กับถนนและทำการถ่ายภาพในขณะมีรถแล่นผ่านไปมา ภาพถ่ายของคุณจะมีลักษณะคล้ายกับภาพด้านล่างนี้ คุณจะเห็นเส้นไฟที่สวยงามตามการเคลื่อนที่ของรถบนท้องถนน
สเต็ปที่ 3 : วงกลมแสง (Light Circle)
เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน คุณลองไปยังสวนสนุกหรือสถานที่ใกล้เคียงกันที่มีการตกแต่งด้วยแสงไฟ และนี่คือตัวอย่างภาพถ่ายที่ได้จากการถ่ายสวนสนุกแห่งหนึ่ง คุณจะเห็นความสวยงามของแสงไฟที่หมุนวนเป็นวงกลมตามการหมุนของม้าหมุน
สเต็ปที่ 4 : การเขียนภาพด้วยแสง (Light Painting)
ใช้ดาบเลเซอร์หรือหลอดไฟในการวาดแสงให้เป็นภาพในอากาศ ออกแบบรูปทรงที่ธรรมดาเพื่อให้คุณสามารถวาดภาพเสร็จได้ภายในเวลาอันรวดเร็วเท่าที่จะทำได้ คุณไม่ควรตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ต่ำมาก เพื่อหลีกเลี่ยงภาพถ่ายที่สว่างเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณไม่มีฟิลเตอร์ ND
เนื่องจากการปรับค่าความเร็วชัตเตอร์ที่่ต่ำ แสงที่คุณวาดเป็นรูปทรงนั้นก็จะปรากฏอยู่บนภาพ
หากคุณไม่มีดาบเลเซอร์หรือหลอดไฟ คุณสามารถใช้แสงสว่างจากสมาร์ทโฟนแทนได้ แนะนำให้คุณปรับแสงไฟภายในห้องให้มืด และใช้สมาร์ทโฟน 1-2 เครื่อง เสมือนเป็นพู่กันเพื่อใช้สำหรับวาดภาพ
เทคนิคนี้อาจจะดูธรรมดาเกินไปแต่ได้ผลลัพธ์อันน่าทึ่ง คุณยังสามารถเพิ่มวัตถุต่างๆเข้าไปในภาพเพื่อให้ได้เอฟเฟคต่างๆเพิ่มขึ้น
สเต็ปที่ 5 : แสงไฟล้อมที่รอบจุดศูนย์กลาง (Light Mandala)
ใช้เลเซอร์พอยน์เตอร์ที่สามารถสร้างแสงไฟที่มีการเคลื่อนไหวไปมา ภายในห้องที่มืดสนิท หลังจากนั้นชี้เลเซอร์ไปที่เพดานหรือผนังเรียบๆแล้วเปลี่ยนรูปแบบของแสงไปเรื่อยๆ
ทำการบันทึกภาพถ่ายในขณะที่จุดเลเซอร์เปลี่ยนตำแหน่งไปมา แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ได้จะมีลักษณะดังภาพต่อไปนี้
สเต็ปที่ 6 : ร่างเค้าโครงด้วยแสง (Glowing Outline)
ทำการเปิดไฟฉายจากสมาร์ทโฟนของคุณและวาดเป็นเส้นตามแนวโครงร่างของวัตถุ ซึ่งอาจจะเป็นคน สัตว์เลี้ยงหรืออะไรก็ได้ ในกรณีนี้ได้เลือกคนเป็นวัตถุหลักในการถ่ายภาพ
และนี่คือผลลัพธ์ที่ได้
อย่างที่คุณได้เห็นมีหลากหลายวิธีในการสร้างสรรค์ผลงานการถ่ายภาพด้วยเทคนิค Long Exposures นับได้ว่า DJI Osmo Pocket เป็นเครื่องมือที่สมบูรณ์แบบที่สุด ด้วยกล้องที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมกับแกนกันสั่นถึง 3 แกน และโหมดการถ่ายภาพอัจฉริยะให้ใช้งานมากมาย แถมยังมีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาง่าย ช่วยให้คุณได้แชร์ภาพประสบการร์และช่วงเวลาดีๆในชีวิตได้ทุกที่ ทุกเวลา ( สามารถอ่านเพิ่มเติมจากบทความ แกะกล่อง! OSMO Pocket สัมผัสแรก เจ๋งจริง อะไรจริง )
DJI Osmo Pocket ราคาพิเศษเพียง 12,500 บาท จากราคา 13,500 บาท
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : DJI
แปลและเรียบเรียงโดย : DJI13STORE