เช่นเดียวกันกับ Osmo Pocket กล้องน้องใหม่อย่าง Osmo Action ที่พึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในคืนวันที่ 15 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา ก็ได้รับกระแสตอบรับจากผู้ใช้งานกล้องทั่วโลกอย่างล้นหลาม ไม่แพ้กล้องในตระกูล Osmo Series รุ่นก่อนๆเลยก็ว่าได้ ทำให้ Osmo Pocket และ Osmo Action ต่างก็เป็นกล้องคู่กายของผู้ใช้หลายๆท่าน รวมไปถึงบรรดา Vlogger และ Youtuber จำนวนมากตัดสินใจซื้อไปใช้เพื่อสร้างสรรค์ผลงานวิดีโอให้แฟนคลับได้รับชมในทุกไลฟ์สไตล์ที่สามารถออกแบบเองได้
กล้องในซีรีย์ Osmo ทั้ง 2 รุ่นนี้ เป็นกล้องขนาดพกพา ประสิทธิภาพสูงอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์และฟังก์ชันการทำงานอัจฉริยะมากมาย จึงเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจเลือกกล้องรุ่นที่เหมาะสมกับคุณ แน่นอนว่าแต่ละคนมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน และพบเจอสถานการณ์ต่างๆที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน เพื่อให้เป็นทางเลือกที่ถูกต้อง การเรียนรู้ความแตกต่างของกล้องทั้ง 2 รุ่น จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก บทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในการเลือกกล้องที่เหมาะสมกับสไตล์การถ่ายภาพของคุณเอง
ระบบกันสั่นกล้อง
Osmo Pocket (ออสโม่พ็อกเก็ต) มีระบบกันสั่นควบคุมด้วยมอเตอร์ 3 แกนหมุนอิสระ (3-Axis Stabilized) ในขณะที่กล้องแอคชั่นรุ่นใหม่อย่าง DJI Osmo Action (ออสโม่ แอคชั่น) ก็สามารถทำให้คุณถ่ายวิดีโอที่ไม่สั่นไหวได้เช่นเดียวกัน ต้องขอบคุณ RockSteady ของ DJI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่ประกอบไปด้วยระบบกันสั่นแบบ EIS (Electronic Image System) ที่มีความแม่นยำสูงและอัลกอริทึมที่ซับซ้อน ช่วยให้วิดีโอของคุณออกมานิ่งอย่างเหลือเชื่อ ในทุกๆการเคลื่อนไหว
ประสิทธิภาพของกล้อง
Osmo Pocket และ Osmo Action ทั้งคู่มาพร้อมกับกล้องประสิทธิภาพสูง เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.3 นิ้ว ที่สามารถถ่ายภาพนิ่งด้วยความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K/60fps ไม่ว่าคุณจะถ่ายภาพนิ่งหรือถ่ายวิดีโอ ช่วง ISO ของกล้องทั้ง 2 จะอยู่ที่ 100-3200
Osmo Action ยกระดับไปอีกขั้นด้วยความสามารถในการถ่ายวิดีโอ HDR ที่จะเก็บทุกรายละเอียดแม้ในพื้นที่ที่มีแสงน้อย เพิ่มประสิทธิภาพการรับค่าความแตกต่างแสงให้กับวิดีโอ อีกทั้งยังให้แสงที่ดูเป็นธรรมชาติ เมื่อถ่ายภาพในช็อตที่เกิดการเปลี่ยนแปลงระหว่างบริเวณที่มีแสงสว่างมากไปพื้นที่มืด คุณจะได้ภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุดในสภาพแวดล้อมที่มีแสงแตกต่างกัน
โหมดการถ่ายภาพ
Timelapse
Osmo Action กล้องวิดีโอ 4K ที่รองรับการถ่ายวิดีโอในโหมด Timelapse ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งในการบันทึกความเคลื่อนไหวของการผจญภัยของคุณ เพียงแค่เลือกระยะห่างของการถ่ายภาพ (Interval) และช่วงเวลา (Duration) ที่ต้องการ จากนั้นปล่อยให้กล้องจัดการทุกอย่างเอง การตั้งค่าที่ทั้งสะดวกและง่ายดาย ทำให้ Timelapse เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในการบันทึกช่วงเวลาพิเศษที่น่าประทับใจของคุณ
Motionlapse
นอกจากโหมดการถ่ายวิดีโอ Timelapse แล้ว Osmo Pocket ยังมีโหมด Motionlapse ที่จะช่วยให้คุณถ่ายวิดีโอได้สวยงามราวกับในภาพยนตร์ โดยไม่จำเป็นต้องปรับแต่งแก้ไขภายหลัง เพียงแค่วางกล้องไว้บนพื้นผิวที่เรียบ และเลือกใช้โหมด Motionlapse จากนั้นตั้งค่าเส้นทางการเคลื่อนไหวของกิมบอลที่คุณต้องการ เลือกระยะห่างของการถ่ายภาพและช่วงเวลาการถ่าย เมื่อเริ่มการบันทึกจนเสร็จสิ้น Osmo Pocket จะประมวลผลและเชื่อมต่อภาพถ่ายให้เองโดยอัตโนมัติ
Slow Motion
Slow Motion เป็นโหมดการถ่ายวิดีโอยอดนิยมในการทำให้ภาพที่ถ่ายออกมามีการการเคลื่อนไหวช้าและเก็บทุกรายละเอียดที่มักจะไม่พบเจอในการถ่ายภาพที่มีความเร็วปกติ 4x Slow Motion ของ Osmo Pocket สามารถบันทึกภาพความแตกต่างในทุกการเคลื่อนไหวที่การถ่ายวิดีโอแบบปกติไม่สามารถจับภาพไว้ได้ ในขณะที่กล้อง Action Camera รุ่นล่าสุดของ DJI อย่าง Osmo Action ที่ถูกออกแบบมาเพื่อบันทึกภาพที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว คุณสามารถเก็บภาพช่วงเวลาในช็อตที่สำคัญๆได้ด้วยโหมด 8x Slow Motion ที่มีความคมชัดระดับ 1080p และเฟรมเรทที่สูงถึง 240fps
Long Exposure Images
สำหรับการถ่ายภาพในโหมด Long Exposure นั้น Osmo Pocket สามาถตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ได้นาน 8 วินาที ในขณะที่ Osmo Action สามารถตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ให้ช้าลงได้ถึง 120 วินาที ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายภาพท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว
ActiveTrack vs. FOV 145°
ที่ผ่านมาเหล่า Vlogger ต้องทำสิ่งต่างๆมากมายเพื่อที่จะทำให้พวกเขาอยู่ในเฟรมในขณะที่กำลังพูดคุยและถ่ายวิดีโอ โดยเฉพาะ Vlogger มือใหม่ที่มักจะเสียเวลาไปกับการทำให้ตัวเองไม่หลุดไปจากเฟรม Osmo Pocket เป็นกล้องถ่าย Vlog ที่มีโหมด ActiveTrack และ FaceTrack ที่ช่วยทำให้การติดตามวัตถุหรือตรวจจับใบหน้าให้อยู่ในเฟรมเป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยเมื่อใช้งานโหมดเซลฟี่ Osmo Pocket จะตรวจจับใบหน้าให้อยู่ในเฟรมและติดตามอย่างต่อเนื่องอย่างแม่นยำ ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้บรรดา Vloggers จะไม่ต้องกังวลว่าตัวเองจะหลุดจากเฟรมอีกต่อไป และมุ่งเน้นการสร้างคอนเทนท์ให้มีคุณภาพได้มากกว่า
แต่ถ้าหากคุณใช้กล้อง Vlog รุ่น Osmo Action คุณไม่จำเป็นต้องกังวลกับการที่ตัวคุณเองจะหลุดออกนอกเฟรมขณะที่ทำการบันทึกภาพเลย เนื่องจากกล้องถ่ายวีดีโอขนาดเล็กตัวนี้มาพร้อมกับเลนส์มุมกว้างที่มีขอบเขตการมองเห็นกว้างถึง 145 องศา (FOV of 145°) ( อ่านเพิ่มเติมจากบทความ อยากถ่าย Vlog ต้องอ่าน! 7 เทคนิค การเลือกซื้อกล้องที่มือใหม่ควรรู้ )
ผู้ใช้งานบางคนอาจจะกังวลกับปัญหา Fisheye ที่มักจะมาพร้อมกับเลนส์มุมกว้าง (Wide-Angle) สำหรับกล้อง Osmo Action Camera มีฟังก์ชั่นที่ชื่อว่า Dewarp ซึ่งจะช่วยกำจัดความผิดเพี้ยนของภาพ (Distortion) เวลาถ่ายภาพในระยะใกล้ (Close-up)
Snapshot
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าการเปิดกล้อง Osmo Pocket ด้วยฟีเจอร์ Quick Start หลังจากกดปุ่มพาวเวอร์ เครื่องจะเปิดขึ้นและพร้อมใช้งานโดยใช้เวลาเพียงแค่ 5 วินาทีเท่านั้น แต่ถ้าคุณคิดว่ามันยังช้าไปสำหรับคุณ Osmo Action มีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Snapshot ที่อาจจะทำให้คุณสนใจ เมื่อกล้องอยู่ในโหมดพักเครื่องหรือปิดเครื่อง เพียงแค่คุณกดปุ่มชัตเตอร์ กล้องจะเริ่มต้นบันทึกวีดีโอได้อย่างรวดเร็วภายใน 2 วินาที
การควบคุมกล้องและการแสดงผล
Osmo Pocket
Osmo Pocket มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลระบบสัมผัสขนาด 1.08 นิ้ว ช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนการตั้งค่าและฟังก์ชันต่างๆได้อย่างหลากหลาย คุณสามารถสลับระหว่างโหมดถ่ายภาพ หรือเมนู Playback และอื่นๆได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส บริเวณตัวด้าม Osmo Pocket มี 2 ปุ่มคำสั่ง ปุ่มแรกสำหรับสั่งถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอ ปุ่มที่ 2 ใช้สำหรับเปิด-ปิดกล้องหรือใช้เปลี่ยนโหมดการทำงานของกล้อง ( อ่านเพิ่มเติมจากบทความ เปิดตัว DJI OSMO Pocket กล้องจิ๋วสุดล้ำพร้อมกันสั่นระดับเทพ )
Power Button
ปุ่มพาวเวอร์มีไว้สำหรับเปิดและปิดการทำงานของกล้อง หากอยู่ในโหมดการถ่ายภาพ คุณสามารถกดปุ่มนี้เพื่อเป็นทางลัดเข้าถึงฟังก์ชันที่จำเป็นได้ เช่นการสลับโหมดถ่ายภาพและโหมดถ่ายวิดีโอ คำสั่งรีเซ็ตทิศทางกล้องให้กลับสู่ศูนย์กลาง หรือสลับทิศทางของกล้องหันหน้าและหลังเป็นต้น นอกจากนี้ในขณะที่กำลังปรับตั้งค่ากล้อง เมื่อกดปุ่มพาวเวอร์จะกลับไปที่เมนูการตั้งค่าก่อนหน้าได้อีกด้วย
DJI Mimi App
คุณสามารถเชื่อมต่อ Osmo Pocket เข้ากับสมาร์ทโฟนของคุณได้ ผ่าน Universal Adapter หรือเชื่อมต่อด้วยอุปกรณ์เสริมอย่าง Wireless Module เพื่อให้คุณใช้งานแอปพลิเคชั่น DJI Mimo สำหรับการควบคุมกล้อง กำหนดการตั้งค่าต่างๆ เปลี่ยนโหมดการทำงานของกล้อง หรือแม้แต่เข้าถึงโหมดถ่ายภาพพิเศษอื่นๆ เช่น Story Mode
Osmo Action
Osmo Action มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลสี 2 หน้าจอ (Dual Screen) หน้าจอด้านหลังของกล้องเป็นระบบสัมผัสขนาด 2.25 นิ้ว สำหรับตั้งค่าการทำงาน เลือกโหมดถ่ายภาพ และใช้ดูภาพถ่ายหรือวิดีโอ ส่วนจอด้านหน้าเป็นจอแสดงผลขนาด 1.4 นิ้ว มีไว้เพื่อแสดงภาพ ทำให้สามารถมองเห็นตัวเองในขณะที่กำลังใช้งานในโหมดเซลฟี่ได้ชัดเจน ด้านบนของกล้องแอ็คชั่น จะมีปุ่มพาวเวอร์กับปุ่มชัตเตอร์ และยังมีปุ่ม Quick Switch ใว้ให้เลือกสั่งงานอยู่ด้านข้างของตัวกล้องอีกด้วย ( อ่านเพิ่มเติมจากบทความ เปิดตัว Osmo Action กล้องแอคชั่น 2 หน้าจอ ที่สุดของการผจญภัย )
Quick Switch Button
ในโหมดถ่ายภาพ เมื่อกดปุ่ม Quick Switch ที่อยู่ด้านข้างของกล้อง Osmo Action จะทำให้คุณสามารถสลับโหมดการถ่ายภาพที่คุณได้ตั้งค่าเอาไว้ แตะที่ไอคอนมุมขวาบนเลือกโหมดที่ต้องการ บันทึกไว้ในการตั้งค่าสำหรับปุ่ม QS เพื่อการเข้าถึงโหมดที่ใช้บ่อยที่สุดด้วยความสะดวกและรวดเร็วขึ้น หากคุณอยู่ในโหมดตั้งค่าหรือกำลังใช้งานเมนู Playback แค่กดปุ่ม QS คุณก็กลับไปโหมดถ่ายภาพทันที นอกจากนี้เพียงกดปุ่ม QS ค้างไว้ จะเป็นการสั่งงานให้สลับระหว่างการใช้หน้าจอด้านหน้าและด้านหลัง
ระบบสั่งงานด้วยเสียง
แน่นอนว่าคุณสามารถถ่ายภาพหรือถ่ายวิดีโอโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องถือกล้องแอคชั่น ด้วยฟังก์ชันการสั่งงานด้วยเสียงของ Osmo Action คุณสมบัตินี้จะช่วยให้คุณสามารถใช้งานฟังก์ชั่นที่จำเป็น เพียงแค่สั่งงานโดยการพูดออกมา โดยจะมีคำสั่งทั้งหมด 5 อย่าง
DJI Mimo App
เช่นเดียวกันกับกล้องจิ๋ว Osmo Pocket กล้องแอคชั่นรุ่นใหม่อย่าง Osmo Action ก็รองรับการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชั่น DJI Mimo คุณสามารถเชื่อมต่อ Osmo Action เข้ากับสมาร์ทโฟนผ่านสัญญาณ Wi-Fi หรือ Bluetooth ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสริมใดๆ เพื่อขยายขีดจำกัดของการใช้งาน ทำให้คุณสร้างสรรค์และแชร์ผลงานได้อย่างอิสระ อีกทั้งยังสามารถปรับแต่ง แก้ไขภาพถ่ายได้อีกด้วย
ประสิทธิภาพการทำงาน
ตารางข้างล่างนี้แสดงสเปคของกล้อง Osmo Pocket และ Osmo Action
ความทนทาน
Osmo Pocket ไม่ได้เป็นกล้องที่บอบบางแต่อย่างใด แต่เมื่อพูดถึงความทนทาน Osmo Action ก็คงมีจุดเด่นที่เหนือกว่าเล็กน้อย เช่นตัวเลนส์และหน้าจอทัชสกรีนด้านหลังเคลือบด้วยวัสดุที่สามารถป้องกันรอยนิ้วมือ คราบน้ำมัน ดินและฝุ่นละอองขนาดเล็ก
นอกจากนี้ยังสามารถนำลงไปถ่ายใต้น้ำได้ลึกถึง 11 เมตรโดยไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม
ราคาไม่แพงอย่างที่คิด
อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ช่วยในการตัดสินใจซื้อของผู้ใช้งานส่วนใหญ่นั้นก็คือราคา ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้งานมือใหม่ ผู้ใช้งานที่คุ้นเคยกับกล้อง Action Camera อยู่แล้ว ผู้ที่กำลังมองหากล้องขนาดพกพาที่สามารถถ่ายวิดีโอ 4K ได้ หรือผู้ที่กำลังมองหากล้องที่ใช้ถ่าย Vlog แน่นอนว่าหากได้รู้ราคาแล้วก็น่าจะเป็นราคาที่ทุกท่านสามารถเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก โดย DJI Osmo Pocket สามารถซื้อได้ในราคา 12,500 บาท ส่วน DJI Osmo Action สามารถซื้อได้ในราคา 12,000 บาท ราคาต่างกันเพียง 500 บาทเท่านั้น
บทสรุปสุดท้าย : Osmo รุ่นไหนที่เหมาะสมกับคุณ
หลังจากการเปรียบเทียบกล้องทั้ง 2 รุ่น ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องเลือกกล้องรุ่นที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณมากที่สุด โดยกล้องทั้ง 2 รุ่น จัดเป็นกล้องจิ๋วขนาดเล็กพกพาได้ง่าย ให้คุณภาพของภาพถ่ายที่ยอดเยี่ยม ถ้าคุณเป็นผู้ที่รักการผจญภัย Osmo Action อาจเป็นคำตอบของคุณ ด้วยดีไซน์ของตัวเครื่องที่สามารถกันน้ำได้ รวมถึงทนทานต่อสภาพอากาศหนาวเย็นถึง -10°C กล้อง Osmo Action คือคู่หูของผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง ผู้ที่รักการเดินทางท่องเที่ยว นักกีฬา หรือแม้กระทั่งเหล่า Vlogger หรือ Youtuber ก็ต้องเลือกซื้อไปใช้งาน
DJI Osmo Action ราคา 12,000 บาทเท่านั้น
Osmo Pocket ได้รับการออกแบบมาสำหรับเหล่าครีเอเตอร์ที่ชอบบันทึกเรื่องราวในชีวิตประจำวันของพวกเขา กล้องรุ่นนี้มีระบบมอเตอร์กันสั่น 3 แกนหมุนอิสระ สามารถถ่ายวิดีโอได้อย่างลื่นไหลและให้ความรู้สึกราวกับว่ากำลังนั่งชมภาพยนต์ Osmo Pocket ยังมีคุณสมบัติต่างๆมากมายที่ใช้งานง่าย ทั้งโหมดการถ่าย Timelapse และ Motionlapse ช่วยให้สามารถสร้างสรรค์งานวิดีโอที่ดูเป็นมืออาชีพ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการถ่ายงานวิดีโอที่สร้างสรรค์และสมบูรณ์แบบ Influencers, Vloggers และ Youtuber จำนวนไม่น้อยที่หันมาใช้งานกล้องประสิทธิภาพสูงขนาดพกพาอย่างเจ้า Osmo Pocket
DJI Osmo Pocket ราคา 12,500 บาทเท่านั้น
- มั่นใจได้เลยว่าภาพถ่ายและงานวิดีโอของคุณนั้นจะมีคุณภาพสูง ไม่ว่าจะใช้กล้องรุ่นไหนในตระกูล Osmo Series เพราะว่าโลกนั้นกว้างใหญ่มาก คุณจึงต้องการกล้องที่สามารถพกพาได้อย่างสะดวกสบาย แต่มีประสิทธิภาพอันทรงพลัง เพื่อที่จะพาคุณไปเปิดโลกในส่วนที่คุณยังไม่เคยพบเจอมาก่อน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : DJI
แปลและเรียบเรียงโดย : DJI13STORE