เปรียบเทียบ

เทียบสเปค Mavic Mini / Mavic Air 2 / Mavic 2 Pro ซื้อตัวไหนคุ้ม?

สอบถามกันเข้ามาเยอะเกี่ยวกับโดรนซีรี่ย์ Mavic รุ่นยอดนิยมทั้ง 3 รุ่น Mavic Mini โดรนเล็กพกพาง่าย , Mavic Air 2 โดรนรุ่นกลางสุดอเนกประสงค์ , และ Mavic 2 Pro โดรนตัวท็อปสำหรับมือโปร ว่าแต่ละรุ่นมันต่างกันยังไง? จำเป็นไหมที่จะต้องซื้อรุ่นท็อป? หรือตัวไหนคุ้มสุดสำหรับการใช้งานในรูปแบบต่างๆ วันนี้ DJI13Store มีคำตอบครับ

 

 

DJI Mavic Mini

 

Mavic Mini โดรนติดกล้องรุ่นพกพาขนาดเล็ก ออกแบบมาสำหรับผู้เริ่มต้น ด้วยประสบการณ์การใช้งานที่เรียบง่าย ขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบาเพียง 249 กรัม พร้อมติดตั้งแอปพลิเคชั่นที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์ผลงานวีดีโอมุมสูงได้อย่างง่ายๆ ด้วย

 

 

คุณสมบัติเด่นของ Mavic Mini

 

ออกบแบบให้มีน้ำหนักเบา

จะเรียกว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของโดรนรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อเทียบกับอีก 2 รุ่นแล้ว Mavic Mini จะมีขนาดและน้ำหนักตัวที่เล็กและเบาที่สุด หนักเพียง 249 กรัมเท่านั้น ซึ่งคิดเป็น 2 เท่าของ Mavic Air 2 และ เบาเป็น 4 เท่าของ Mavic 2 Pro เลยทีเดียว จึงค่อนข้างเหมาะกับนักเดินที่ไม่ชอบถือของหนัก หรือคนที่ไม่อยากบินโดรนลำใหญ่ๆ ให้ผู้คนแตกตื่นอย่าง Vlogger

 

ประสิทธิภาพของกล้อง

กล้องเซ็นเซอร์ขนาด 1/2.3 นิ้ว ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ถ่ายวีดีโอสูงสุด 2.7K ที่ 30fps  ไม่มาก ไม่น้อย เป็นสเปคกล้องที่กำลังดี พอเหมาะกับการถ่ายภาพถ่ายวีดีโอลง Social Media , Facebook , Instagram , twitter ทำได้สบายๆ และข้อดีอีกอย่างคือได้ไฟล์ภาพที่ได้ก็ขนาดไม่ใหญ่มาก ทำให้อัพโหลดหรือส่งต่องานได้อย่างรวดเร็วด้วย

 

ประสิทธิภาพการบิน

แม้ Mavic Mini จะมีขนาดแบตเตอรี่ที่เล็กกว่ารุ่นอื่นๆ แต่ด้วยน้ำหนักตัวที่เบาทำให้มันยังสามารถบินได้นานสูงสุดถึง 30 นาที และเป็นข้อดีว่าเราไม่จำเป็นต้องพกแบตสำรองไปหลายๆ ก้อนด้วย มีระยะบินไกลสุดไม่เกิน 2 ก.ม. แต่หลังจากระยะ 500 ม.ขึ้นไป หากมีสิ่งขวางกันหรือคลื่นรบกวน สัญญาณจะเริ่มอ่อนลงและไม่สามารถไปต่อได้

– Quickshot โหมดรูปแบบการถ่ายวีดีโออัตโนมัติ ซึ่งมีให้เลือกใช้ 4 รูปแบบ Dronie, Circle, Helix และ Rocket

– Flight Mode โหมดการบิน 3 โหมด (C) CineSmooth , (P) Position , (S) Sport

– ไม่มีโหมดติดตามอัตโนมัติ

 

Mavic Mini กับคุณสมบัติอื่นๆ

  1. – ใช้งานร่วมกับ DJI Fly แอพฯเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด สามารถสร้างวีดีโอที่ยอดเยี่ยมได้ ด้วยการแตะเพียงไม่กี่ครั้ง แอพฯตัวช่วยสำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านถ่ายวีดีโอ
  2. – ควบคุมการบินด้วยระบบดาวเทียม GPS/GLOSNASS สามารถบินในอาคารและนอกอาคารได้ดี และ Vision เซ็นเซอร์ ช่วยให้บินภายในอาคารได้อย่างปลอดภัยและแม่นยำยิ่งขึ้น

 

Mavic Mini เหมาะสมกับใคร?

ด้วยการบังคับควบคุมที่เรียบง่ายมากๆ ไม่มีฟังก์ชั่นการใช้งานอะไรที่ซับซ้อน ทำให้ Mavic Mini เหมาะอย่างมากที่จะเป็นโดรนตัวแรกสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นฝึกบินโดรน มือใหม่ เด็ก สามารถซื้อได้เลยไม่ต้องคิดเยอะ หรือจะเป็นนักเดินทางท่องเที่ยว Backpacker เดินทางต่างประเทศ Mavic Mini ก็เหมาะเช่นกัน เพราะมีขนาดเล็กน้ำหนักเบาพกพาง่าย ไม่กินเนื้อที่สัมภาระ และบางประเทศสามารถนำขึ้นบินได้เลยไม่ต้องไปขอทำเรื่องให้ยุ่งยากด้วย Mavic Mini ชุดเริ่มต้นราคา 12,000 บาท และ Mavic Mini Combo ชุดคอมโบราคา 15,000 บาท เท่านั้นครับ


 

Mavic Air 2

 

Mavic Air 2 โดรนรุ่นพกพาระดับกลางที่เน้นการทำงานในแบบกึ่งมืออาชีพ มีโหมดบินออโต้ ฟังก์ชั่นอัตโนมัติสำหรับการใช้ทั่วๆ ไปได้อย่างสะดวก หรือบินแบบ Manual ในการใช้งานที่จริงจังมากขึ้นก็สามารถทำได้ แม้จะไม่เทียบเท่า Mavic 2 และ Phantom ซีรี่ย์ ซึ่งเป็นโดรนสำหรับมืออาชีพโดยเฉพาะ แต่ก็พอจะใช้เป็นโดรน 2 แทนกันในสถานการณ์คับขันได้

 

 

คุณสมบัติเด่นของ Mavic Air 2

 

ถ่ายภาพ 48MP

Mavic Air 2 ใช้เทคโนโลยีถ่ายภาพแบบ Quad Bayer เพิ่มความคมชัดของภาพจากการประมวลผลด้วยซอฟแวร์ ทำให้สามารถถ่ายภาพที่มีความละเอียดคมชัดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล หรือ 4 เท่าของจำนวนพิกเซลแบบปกติ เรื่องรายละเอียดสีและองค์ประกอบต่างๆ ของภาพ หรือการนำภาพไปย่อ – ขยาย Mavic Air 2 จึงทำได้ค่อนข้างดีกว่าโดรนรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกัน

 

ประสิทธิภาพของกล้อง

กล้องเซ็นเซอร์ขนาด 1/2 นิ้ว ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ถ่ายวีดีโอได้ตั้งแต่ 4K / 60 fps, 2.7K / 60 fps และ 1080p / 240 fps ถือเป็นช่วง Resolution วีดีโอที่ค่อนข้างกว้าง สามารถเลือกใช้งานได้หลากหลาย ทำ Slow motion ได้ด้วย 240 fps พร้อมโหมด D-Cinelike เฟรตสีสำหรับใช้งาน post-processing ได้ทันที

– SmartPhoto รวม 3 เทคโนโลยีถ่ายภาพไว้ในช็อตเดียว HDR ซ้อนภาพให้ได้แสงเงาที่เหมาะสม HyperLight เพิ่มความคมชัดในสถานการณ์ที่มีแสงน้อย และการปรับพารามิเตอร์กล้องโดยอิงจากฉากตามธรรมชาติ

– พาโนรามา HDR การถ่ายพาโนราด้วยสีสันและรายละเอียดที่คมชัด

– 8K Hyperlapse

 

ประสิทธิภาพการบิน

Mavic Air 2 ทำเวลาบินสูงสุดที่ 34 นาที บินไกลสุด 4 กม. ทำความเร็วสูงสุด 68 กม./ชม. และต้านแรงลมได้ถึง 38 กม./ชม. โดดเด่นในเรื่องของระยะเวลาบินที่นานกว่ารุ่นอื่นๆ สายบินเล่นบินเรื่อยเปื่อยน่าจะถูกใจกับสิ่งนี้ และอีกข้อดีหนึ่งที่สเปคไม่ได้บอกคือ เสียงเวลาบินนั้นเงียบลงมากๆ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ Mavic Air รุ่นก่อนแล้วยิ่งสังเกตุได้อย่างชัดเจน ซึ่งเรื่องของเสียงนี่เป็นผลกับการทำงานมากๆ เลยนะครับ เพราะเวลาเราบินถ่ายตามงานอีเว้นที่มีคนอยู่ โดรนที่เสียงเบากว่าจะดูปลอดภัยและเป็นมิตรมากกว่า และยังไม่ไปรบกวนพิธีการจัดงานด้วย

– Quickshot โหมดรูปแบบการถ่ายวีดีโออัตโนมัติ 6 รูปแบบ Dronie, Circle, Helix, Rocket, Boomerang และ Asteroid

– โหมดติดตามอัตโนมัติ FocusTrack , ActiveTrack 3.0 , POI 3.0 , Spotlight 2.0

– เซ็นเซอร์กันชน 3 จุด ระยะ 0.35-23.6 ม. พร้อมระบบบินหลบหลีกอัตโนมัติ และ Return Home

 

Mavic Air 2 กับคุณสมบัติอื่นๆ

– ใช้งานร่วมกับ DJI Fly แอพฯเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด สามารถสร้างวีดีโอที่ยอดเยี่ยมได้ ด้วยการแตะเพียงไม่กี่ครั้ง แอพฯตัวช่วยสำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านถ่ายวีดีโอ

– 2. ระบบส่งข้อมูลวีดีโอ OcuSync 0 การปรับปรุงเทคโนโลยี OsuSync เพิ่มประสิทธิภาพการส่งข้อมูลที่ดีขึ้น ภาพชัดเจนขึ้น และไม่ขาดหายระหว่างทำการบิน

– รีโหมดรูปแบบใหม่ ย้ายตัวจับมือถือไว้ด้านบน ดูง่าย จับถนัดมือมากขึ้น ใช้งานได้นาน 240 นาที

 

Mavic Air 2 เหมาะสมกับใคร?

Mavic Air 2 เป็นโดรนที่อยู่ตรงกลางระหว่าง โดรนสำหรับมือใหม่และโดรนสำหรับมืออาชีพ คือยังคงความเรียบง่ายแบบมือใหม่ไว้แต่ก็มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครอบคุมการทำงานได้หลากหลายรูปแบบของมืออาชีพ งานโปรดักชั่นพื้นฐาน งานวีดีโอลง Social Media, Youtube, Facebook สามารถทำได้ โดยเฉพาะรายการในรูปแบบของ Vlog ก็จะเหมาะสมมากๆ เพราะมีโหมดติดตามอัตโนมัติและระบบบินหลบหลีกที่ค่อนข้างไว้ใจได้ ถ่ายงานอีเว้นท์ งานจัดแสดงต่างๆ ในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ งานบินสำรวจพื้นที่ บินตรวจความเรียบร้อยงานก่อสร้างต่างๆ สามารถทำได้ แต่จะไม่สามารถลงซอฟแวร์หรือติดตั้งอุปกรณ์เสริมเฉพาะทางเหมือน Mavic 2 Pro ได้ เป็นเพียงการตรวจสอบเบื้องต้นเท่านั้น มีโหมดปรับแสงเงาและสีสันของภาพแบบอัตโนมัติสำหรับมือใหม่หรือผู้ใช้งานทั่วไป ให้สามารถถ่ายภาพนิ่งถ่ายวีดีโอสวยๆ แบบมือโปรได้ และมีเซ็นเซอร์กันชนเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น ซึ่งนั้นทำให้โดยภาพรวมแล้ว Mavic Air 2 คือโดรนที่เหมาะสมกับทุกคนเลยก็ว่าได้ครับ

Mavic Air 2 ราคาเพียง 25,900 บาท

รายละเอียดสินค้า >> Mavic Air 2 Single

Mavic Air 2 Fly More Combo ราคาเพียง 34,900 บาท

รายละเอียดสินค้า >> Mavic Air 2 Fly More Combo

 


 

DJI Mavic 2 Pro

 

Mavic 2 Pro โดรนประสิทธิภาพสูงที่สุดในการเปรียบเทียบครั้งนี้ และยังสูงที่สุดสำหรับโดรนรุ่นพกพาที่มีอยู่ในตอนนี้ด้วย เป็นโดรนที่สมบูรณ์แบบในทุกการใช้งาน สามารถลงซอฟแวร์และติดตั้งอุปกรณ์เสริมเพื่อใช้งานเฉพาะทางได้อย่างหลากหลาย โดยในชุดเริ่มต้นพื้นฐานจะมีให้เลือก 2 รุ่น คือ Mavic 2 Pro ที่เน้นเรื่องคุณภาพกล้องเป็นหลัก และ Mavic 2 Zoom ที่เพิ่มฟังก์ชั่นการซูมและ dolly zoom เสริมเข้ามา

 

 

คุณสมบัติเด่นของ Mavic 2 Pro

 

โดรนประสิทธิภาพสูงที่พกพาง่าย

ในการทำงานระดับมืออาชีพ ความคล่องตัวของอุปกรณ์ถือเป็นเรื่องสำคัญ  Mavic 2 Pro เป็นโดรนที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูงเทียบเท่ากับ Phantom 4 ซึ่งเป็นโดรนระดับโปรที่มืออาชีพนิยมใช้กัน แต่ด้วยขนาดตัวลำที่เล็กกว่า น้ำหนักที่เบากว่า และดีไซน์แบบพับเก็บได้ ทำให้ Mavic 2 Pro สามารถพกพาและหยิบใช้งานได้ง่ายกว่ามาก เรียกว่าเป็นดีไซน์ของโดรนยุคใหม่ที่เน้นความสะดวกสบายมากขึ้น โดยยังคงประสิทธิภาพการทำงานที่สูงเอาไว้นั้นเองครับ

 

ประสิทธิภาพของกล้อง

Mavic 2 Pro ใช้กล้อง Hasselblad ขนาดเซ็นเซอร์ 1 นิ้ว ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ถ่ายวีดีโอสูงสุดระดับ 4K ที่ 30 fps นี่คือสเปคกล้องที่สูงที่สุดในการเปรียบเทียบครั้งนี้ และสูงที่สุดของโดรน Mavic ซีรี่ย์ด้วย

– Mavic 2 Pro ใช้เทคโนโลยีกันสั่นแบบ 3 แกนตัวล่าสุดของ DJI มั่นใจได้ว่าจะได้ภาพวีดีโอที่ลื่นไหล ไม่สะดุด คมชัดในทุกสถานการณ์

– สำหรับเซ็นเซอร์กล้อง Mavic 2 Pro มีขนาด 1 นิ้ว นำเสนอประสิทธิภาพที่ดีกว่าแม้ที่มีแสงน้อยกับช่วง ISO ที่กว้างมากขึ้น

– รายละเอียดสีที่ละเอียดยิ่งขึ้นด้วย ระบบจัดการสี 10-bit Dlog-M ให้ช่วงไดนามิกที่สูงขึ้นสำหรับการภาพถ่ายทางอากาศ

– บันทึกวีดีโอแบบ 4K 10-bit HDR ทำให้ Mavic 2 Pro จับภาพไฮไลท์และปรับแสงเงาของภาพให้สมดุลอย่างเป็นธรรมชาติทำให้ได้ภาพที่สวยคมชัด พร้อมรายละเอียดแสงสีที่ยอดเยี่ยม

– D-Cinelike เฟรตสีให้เหมาะสม พร้อมสำหรับใช้งาน post-processing ได้ทันที

 

ประสิทธิภาพการบิน

Mavic 2 Pro ให้เวลาบินสูงสุดที่ 31 นาที บินไกลสุด 4 – 5 กม. ทำความเร็วสูงสุด 72 กม./ชม. และต้านแรงลมได้ถึง 38 กม./ชม. ซึ่งเป็นสเปคการบินที่สูงพอสมควรเลยสำหรับโดรนรุ่นพกพา ลมบก ลมทะเล ลมภูเขา ระดับปกตินั้นสามารถบินได้สบายๆ และข้อดีเรื่องของความเร็วคือเวลาเราไปถ่ายพวก รถยนตร์ ยานภาหนะต่างๆ เราสามารถทำความเร็วเพื่อให้ได้ภาพตามที่ต้องการได้

– Quickshot โหมดรูปแบบการถ่ายวีดีโออัตโนมัติ ซึ่งมีให้เลือกใช้ 6 รูปแบบ Dronie, Circle, Helix, Rocket, Boomerang และ Asteroid

– โหมดติดตามอัตโนมัติ FocusTrack , ActiveTrack 3.0 , POI 3.0

– เซ็นเซอร์กันชน 5 จุด รอบทิศทาง พร้อมระบบบินหลบหลีกอัตโนมัติ และ Return Home

 

Mavic 2 Pro กับคุณสมบัติอื่นๆ

– การตรวจจับสิ่งกีดขวางรอบทิศทาง เซ็นเซอร์ตรวจจับถูกติดตั้งอยู่รอบตัวโดรนเพื่อความปลอดภัยในการบินที่มากขึ้น

– ระบบส่งข้อมูลวีดีโอ OcuSync 0 การปรับปรุงเทคโนโลยี OsuSync เพิ่มประสิทธิภาพการส่งข้อมูลที่ดีขึ้น ภาพชัดเจนขึ้น และไม่ขาดหายระหว่างทำการบิน

 

Mavic 2 Pro เหมาะสมกับใคร?

Mavic 2 Pro เป็นโดรนรุ่นพกพาสำหรับมืออาชีพโดยแท้จริง กล้อง Hasselblad ประสิทธิภาพสูงสำหรับถ่ายงานโปรดักชั่น งานวีดีโอลง Social Media , Youtube ในรูปแบบช่องรายการ ทำได้อย่างสบายๆ ช่างภาพ ช่างวีดีโอ รับถ่ายงานอีเว้นท์ต่างๆ ก็เหมาะจะใช้งานเพราะมีขนาดตัวลำที่เล็กพอจะสามารถบินในพื้นที่จำกัดได้ งานบินสำรวจ งานตรวจพื้นที่ ตรวจแบบโครงการ สามารถทำได้เพราะมีเวลาบินที่นานและระยะบินค่อนข้างไกล พร้อมรองรับการติดตั้งอุปกรณ์เสริมและซอฟเวร์ทำงานเฉพาะทางได้อย่างหลากหลาย เรียกว่าถ้าต้องการโดรนเพื่อเน้นในการทำงานจริงๆ ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม Mavic 2 Pro คือตัวเลือกที่น่าสนใจ และเหมาะสมสำหรับคุณอย่างแน่นอน โดรนรุ่น Mavic 2 Pro วางจำหน่ายในราคา 56,500 บาท