เทคนิค

อยากถ่าย Vlog ต้องอ่าน 7 เทคนิค การเลือกซื้อกล้องที่มือใหม่ควรรู้

Vlog คืออะไร

Vlog (วล็อก หรือ วีล็อก) มาจากคำว่า Video ผสมกับ Log เป็นการบันทึกเรื่องราวต่างๆในชีวิตประจำวัน คล้ายกับการเขียนไดอารี่ แต่จะเป็นการเขียนไดอารี่ในรูปแบบวิดีโอแทน และนำมาแชร์ให้กับเพื่อนๆ บนโซเชียลมีเดียได้ดูกันว่าในแต่ละวันได้ทำกิจกรรมอะไรบ้าง ซึ่งล้วนเป็นเรื่องราวที่ถูกเรียบเรียงมาเป็นอย่างดี และมีการนำเสนอที่น่าสนใจ บทความในวันนี้ DJI13Store จะมาแนะนำเทคนิคการเลือกซื้อกล้องสำหรับมือใหม่ เพื่อใช้ถ่ายทำ Vlog ว่าจำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง

ประเภทของกล้องสำหรับถ่าย Vlog

มีกล้องหลายประเภทที่สามารถนำมาใช้สำหรับการถ่าย Vlog ได้ โดยการเลือกซื้อกล้องแต่ละประเภทนั้นแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสไตล์และความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งสมาร์ทโฟนก็เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยขนาดที่เล็กกระทัดรัด พร้อมพกพาติดตัวไปได้ตลอดเวลา ในขณะที่กล้อง DSRL หรือกล้อง Mirrorless มีขนาดใหญ่และน้ำหนักเยอะกว่าแต่ให้งานวิดีโอที่มีคุณภาพสูงกว่า DJI ได้คิดค้นและออกแบบอุปกรณ์กิมบอลกันสั่น ที่ทำให้สามารถถ่ายทำ Vlog ได้ง่ายขึ้นด้วย DJI Osmo Series และ DJI Ronin Series ซึ่งเป็นอุปกรณ์กันสั่นเพื่อคุณภาพงานระดับมืออาชีพ

 

สิ่งที่ต้องคำนึงในการเลือกซื้อกล้องสำหรับถ่าย Vlog

 

 

ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ หรือเป็น Vlogger ที่มีประสบการณ์อยู่แล้วและต้องการอัพเกรดอุปกรณ์ของคุณ การตัดสินใจเลือกซื้อกล้องในแต่ละครั้งถือเป็นสิ่งสำคัญ กล้องสำหรับถ่าย Vlog ในท้องตลาดมีให้เลือกมากมาย และมักจะมีคำถามเกิดขึ้นว่า ต้องใช้กล้องที่สามารถถ่ายภาพความละเอียดเท่าไหร่ ต้องการระบบกันสั่นเพื่อความลื่นไหลของงานวิดีโอหรือไม่ หรือสามารถใช้สมาร์ทโฟนในการถ่าย Vlog ได้หรือไม่ และต่อไปนี้คือสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณควรพิจารณาเมื่อต้องเลือกซื้อกล้องมาใช้งาน

 

1. Image Quality (คุณภาพของภาพถ่าย)

 

 

คุณภาพของภาพถ่ายถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกๆ ที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อกล้องคุณภาพดีสักตัว ซึ่งในปัจจุบันกล้องถ่ายวิดีโอที่ดีควรถ่ายภาพได้ด้วยความคมชัดไม่ต่ำกว่า 1080p (Full HD) หรือ 4K (UHD) เพื่อให้งานวิดีโอที่ได้นั้นออกมาสวยงามและคมชัดมากที่สุด แน่นอนว่าสมาร์ทโฟนและกล้องขนาดเล็กทั่วไปก็สามารถถ่ายวิดีโอ 4K ได้ ขณะเดียวกันคุณจำเป็นต้องมีคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อใช้สำหรับแก้ไขและตัดต่อเพื่อให้ Vlog ของคุณมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นและสามารถนำไปแชร์บนโซเชียลมีเดียต่างๆได้ด้วยความคมชัดระดับสูงสุด

 

2. Stabilization (ระบบกันสั่น)

 

 

การถ่ายทำ Vlog ส่วนใหญ่มักเป็นกิจกรรมในระหว่างวันที่มีการเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นระบบกันสั่นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับคุณภาพของวิดีโอ โดยพื้นฐานแล้วเทคนิคนี้หมายถึงวิธีการช่วยลดการสั่นไหวระหว่างการบันทึกวิดีโอด้วย Gimbal Stabilization เป็นกิมบอลแบบ 3 แกน ควบคุมด้วยระบบมอเตอร์ที่ช่วยป้องกันการสั่นไหวของกล้อง ซึ่ง DJI Osmo Mobile 2 และ DJI Osmo Pocket ใช้เทคโนโลยีกันสั่นนี้ เพื่อให้ภาพวิดีโอที่ได้ออกมาสวยงามและลื่นไหลมากที่สุด ซึ่งจะแตกต่างจากระบบกันสั่นแบบออพติคอลที่ใช้การเคลื่อนไหวของอุปกรณ์ที่อยู่ภายในเลนส์เพื่อลดการสั่นไหวของกล้อง และกล้องบางรุ่นที่มีเทคโนโลยี EIS ในตัวซึ่งใช้ซอฟต์แวร์เพื่อแก้ไขการสั่นไหวของกล้องได้ แต่ก็มีข้อเสียคือมันจะลดคุณภาพของภาพถ่ายลง

 

3. Portability (ความสะดวกในการพกพา)

 

น้ำหนักและขนาดของกล้องก็จัดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเช่นเดียวกัน เพราะบางครั้งการถ่าย Vlog จำเป็นต้องออกนอกสถานที่หรือเดินทางท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันมีกลุ่มคนมากมายผันตัวมาเป็น Vlogger ทำให้ในตลาดเริ่มมีกล้องที่มีคุณภาพสูงและขนาดเล็กลงกว่าเมื่อก่อนมาก สามารถจัดเก็บไว้ในกระเป๋าพร้อมพกพาติดตัวไปได้ทุกที่ทุกเวลา และ DJI ก็มี Osmo Mobile 2 ที่มีน้ำหนักอยู่ที่ 485 กรัม ส่วน Osmo Pocket มีน้ำหนักอยู่ที่ 116 กรัมเท่านั้น ซึ่งอุปกรณ์ทั้งสองมีขนาดเล็ดกระทัดรัดสามารถพกพาได้สะดวก โดยเฉพาะ DJI Osmo Pocket ที่มีขนาดเล็กมากจนสามารถพกพาเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อได้เลย

 

4. Microphone Input (ไมโครโฟน)

ถึงแม้ว่าไมโครโฟนที่ติดมากับตัวกล้องจะสามารถถ่ายวิดีโอพร้อมบันทึกเสียงได้ดี แต่เพื่อให้ Vlog ของคุณดูน่าสนใจและมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น การเลือกใช้ไมโครโฟนเสริมจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพื่อให้เสียงใน Vlog ของคุณมีคุณภาพเสียงที่ดี คมชัด และมีเสียงรบกวนจากภายนอกน้อยที่สุดตามคุณภาพของไมโครโฟนที่คุณเลือกใช้ เมื่อคุณเลือกซื้อกล้องอย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีช่องสำหรับเสียบไมโครโฟนขนาด 3.5 มม. หรือไม่ แต่สำหรับ Osmo Pocket นั้นก็เป็นตัวเลือกที่ดีเนื่องจากมีไมโครโฟนถึงสองตัวติดมาให้เพื่อช่วยในเรื่องคุณภาพเสียงโดยตรง

 

5. LCD Screen (หน้าจอ LCD)

 

 

หน้าจอ LCD ก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการถ่ายทำ Vlog เพื่อให้ Vlogger สามารถมองเห็นภาพหรือมุมมองภาพที่ถ่ายได้ทันทีในขณะที่กำลังถ่ายทำ ซึ่งคุณสมบัติหลักของหน้าจอ LCD ที่ต้องมีคือคุณภาพความคมชัดที่สามารถมองเห็นภาพได้ชัดเจน และหน้าจอแบบสัมผัสที่สามารถแตะเพื่อปรับโฟกัสของภาพวิดีโอที่กำลังถ่ายทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

 

6. Low-Light Performance (ประสิทธิภาพการถ่ายในพื้นที่แสงน้อย)

 

 

ปัจจัยในข้อนี้มีความสำคัญไม่แพ้ข้ออื่นๆ เพราะในบางครั้งคุณอาจจะต้องถ่ายทำ Vlog ของคุณในช่วงเวลากลางคืน หรือในสถานที่ที่มีแสงน้อย แม้ว่าเซ็นเซอร์ของสมาร์ทโฟนจะได้รับการปรับปรุงให้สามารถถ่ายวิดีโอในพื้นที่ที่มีแสงน้อยได้ดี แต่กล้อง DSLR และ Mirrorless จะมีประสิทธิภาพการถ่ายในที่ที่มีแสงน้อยดีกว่า ซึ่งแน่นอน DJI Osmo Pocket ก็สามารถช่วยคุณในเรื่องนี้ได้โดยการใช้โหมด NightShot ที่ใช้สำหรับการถ่ายภาพในพื้นที่ที่มีแสงน้อยโดยเฉพาะ

 

7. Wi-Fi Connectivity (การเชื่อมต่อ Wi-Fi)

การเชื่อมต่อ Wi-Fi จะช่วยให้คุณสามารถโอนย้ายไฟล์วิดีโอของคุณไปเก็บไว้ที่สมาร์ทโฟนของคุณได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้คุณสามารถอัพโหลดวิดีโอนั้นแชร์ลงบนโซเชียลมีเดียได้ทันทีตามที่คุณต้องการ การเชื่อมต่อ Wi-Fi ยังมีประโยชน์อย่างมากสำหรับการ Live Streaming ไปยังแพลตฟอร์มต่างๆได้โดยตรง นอกจากนี้ยังทำให้คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมต่างๆเช่น อุปกรณ์กันสั่น อุปกรณ์โฟกัส และอุปกรณ์อื่นๆมากมาย ในการเลือกซื้อกล้องอย่าลืมตรวจสอบตัวเลือกของการเชื่อมต่อ Wi-Fi ทุกครั้ง

 


 

แนะนำสินค้า DJI สำหรับการถ่าย Vlog

 

DJI Osmo Mobile 3 ราคา 4,090 บาท

 

 

Osmo Mobile 3 (ออสโม่โมบาย 3) เป็นไม้กันสั่นรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน เพียงแต่เปลี่ยนจากการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน DJI Go เป็น DJI Mimo แทน เพิ่มเติมฟีเจอร์ใหม่ๆให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้กันแบบจุใจ เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้เริ่มต้นที่อยากได้ไม้กันสั่นไปใช้สร้างสรรค์วิดีโอที่สวยงาม ราคาถูก ขนาดแล็กน้ำหนักเบาเพียง 405 กรัมเท่านั้น พกพาสะดวกเป็นตัวช่วยสำหรับการทำวิดีโอ Vlog ได้ง่ายๆ มีระบบกันสั่น 3 แกนเพิ่มความลื่นไหลในขณะเคลื่อนที่ ส่วนคุณสมบัติและฟังก์ชันเด่นที่มีมาให้ผู้ใช้ได้ออกแบบความคิดสร้างสรรค์เติมเต็มงานด้านวิดีโอ เช่น Active Track 3.0, Timelapse, Hyperlapse, Long Exposure, Panorama, Slow Motion และ Dolly Zoom ใช้งานได้นานสูงสุด 15 ชั่วโมง จัดว่าเหมาะสมทั้งเรื่องราคาและประสิทธิภาพการใช้งาน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในแบบของคุณ แถมยังมีชุดเต็มที่เพิ่มอุปกรณ์เสริมมาให้เลือกซื้ออย่าง Osmo Mobile 3 Combo อีกด้วย ( สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมจากบทความ แกะกล่อง Osmo Mobile 3 – รวมจุดเด่นเจ๋งๆ ยั่วใจชาว Vlogger )

 


 

DJI Osmo Pocket ราคา 12,500 บาท

 

 

Osmo Pocket (ออสโม่พ็อกเก็ต) มีกล้องที่สามารถถ่ายวิดีโอด้วยความละเอียดสูงสุดระดับ 4K/60fps พร้อมระบบกันสั่น 3 แกน เป็นอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กที่สุดที่ DJI เคยวางจำหน่าย เป็นการผสมผสานกันระหว่างคุณภาพของภาพถ่ายและความสะดวกในการพกพา Osmo Pocket มีโหมดการถ่ายภาพอัจฉริยะมาให้ใช้งานมากมาย เช่น FaceTrack ที่ Vlogger ต้องชื่นชอบ เป็นฟังก์ชันที่สามารถให้กล้องติดตามใบหน้าอัตโนมัติเมื่อหันกลับเข้ามาหากล้อง Story Mode ตัวเลือกการถ่ายภาพพร้อมกับตัดต่อให้อัตโนมัติ รวมถึง FPV Mode ที่กล้องจะสามารถหมุนอิสระไปในทิศทางตามการเคลื่อนไหวทำให้มุมมองภาพสมจริงยิ่งขึ้น รวมทั้งฟังก์ชันการถ่าย Active Track, Panorama, Motionlapse, Nightshot และ Long Exposure มีหน้าจอสัมผัสในตัวที่ใช้แสดงภาพที่กำลังถ่ายทำและปรับตั้งค่าต่างๆผ่านทางหน้าจอได้ทันที Osmo Pocket สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 140 นาที เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชัน DJI Mimo นอกจากนี้ยังมีชุดอุปกณ์เสริมให้เลือกใช้งานมากมาย รับรองว่า Osmo Pocket เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับ Vlogger มือใหม่และมืออาชีพอย่างแน่นอน ( สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมจากบทความ แกะกล่อง! OSMO Pocket สัมผัสแรก เจ๋งจริง อะไรจริง )

 


 

DJI Osmo Action ราคา 12,000 บาท

 

 

Osmo Action (ออสโม่แอ็คชั่น) สุดยอดกล้องแอคชั่น ที่สุดของการผจญภัยเหนือระดับ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคุณ มาพร้อมหน้าจอแสดงผลสี 2 จอ ด้านหน้าและหลัง ขยายขีดจำกัดของกล้องแอคชั่นที่ไม่เคยมีมาก่อน รับรองว่าต้องถูกใจบรรดา Vlogger หรือ Youtuber ทั้งมือใหม่และมืออาชีพแน่นอน DJI Osmo Action ถูกออกแบบมาให้มีขนาดเล็กพกพาติดตัวไปได้ตลอดเวลา ตัวกล้องมีเซนเซอร์ CMOS ขนาด 1/2.3 นิ้ว พร้อมระบบกันสั่นกล้องขั้นเทพ RockSteady สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K/60fps ถ่ายภาพนิ่งความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ฟังก์ชั่นการถ่ายวิดีโอแบบ 8x Slowmotion, Video HDR, Timelapse และอื่นๆอีกมากมาย มีระบบสั่งงานด้วยเสียง และปุ่มสั่งงานอย่างรวดเร็ว Quick Switch ทำให้ง่ายต่อการใช้งาน สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับกล้องแอคชั่นก็สามารถใช้งานได้ไม่ยากเลย จุดเด่นสำคัญคือสามารถกันน้ำลึกได้สูงสุด 11 เมตร และ 60 เมตรหากใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมเคสกันน้ำ Waterproof Case นอกจากนี้หากใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น DJI Mimo จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ Osmo Action ได้ดีทีเดียว และที่สำคัญมีอุปกรณ์เสริมเพื่อช่วยยกระดับการใช้งานที่หลากหลายรูปแบบออกมาให้ผู้ใช้งานได้เลือกซื้อไม่น้อยเลยละครับ ( สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมจากบทความ รู้ก่อนใคร! แกะกล่องกล้อง Osmo Action มีอะไรบ้างไปดูกัน )

 


 

DJI Ronin-SC ราคา 10,900 บาท

 

 

DJI Ronin-SC Pro Combo ราคา 13,500 บาท

 

 

Ronin-SC (โรนินเอสซี) อุปกรณ์กันสั่นที่ออกแบบมาสำหรับกล้อง Mirrorless โดยเฉพาะ ขนาดเล็กกระทัดรัด น้ำหนักเบาเพียง 1.1 กิโลกรัม เหมาะสำหรับบรรดา Vlogger และ Youtuber ที่ต้องการความคล่องตัวในการทำงานสูง สามารถถือได้ด้วยมือเดียว รองรับน้ำหนักกล้องและเลนส์สูงสุดถึง 2 กิโลกรัม มีฟีเจอร์เด่นๆให้ใช้งานมากมาย เช่น Timelapse, Motionlapse, Panorama, Motion Control และ Sport มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้ผู้ใช้งานมากที่สุด เช่น Axis Locks, Force Mobile และ ActiveTrack 3.0 พร้อมให้คุณควบคุมการเคลื่อนไหวอย่างมือโปร สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 11 ชั่วโมง DJI Ronin-SC มีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ ชุดเริ่มต้น Ronin-SC และ ชุดเต็ม Ronin-SC Pro Combo ( สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมจากบทความ แกะกล่อง Ronin-SC สัมผัสฟีเจอร์สุดเจ๋งก่อนใคร ราคาเบาลงเกินครึ่ง )

 


 

DJI Ronin-S Essentials Kit ราคา 19,500 บาท

 

 

DJI Ronin-S Standard Kit ราคา 26,200 บาท

 

 

Ronin-S (โรนินเอส) ที่สุดของอุปกรณ์กันสั่นที่ออกแบบมาสำหรับกล้อง DSLR และ Mirrorless โดยเฉพาะ เติมเต็มความเป็นมืออาชีพในการถ่ายวิดีโอของคุณ Ronin-S เหมาะสำหรับบรรดา Vlogger ที่ต้องการงานที่มีคุณภาพ ด้วยระบบกันสั่นกล้องแบบ 3 แกน รองรับน้ำหนักกล้องสูงสุดถึง 3.6 กิโลกรัม แถมยังมีเทคโนโลยี SmoothTrack ที่ช่วยให้คุณเคลื่อนไหวกล้องได้ด้วยมือเดียว มีฟังก์ชันพิเศษให้ใช้งานหลากหลาย เช่น Panorama, Timelapse, Motionlapse, Track และ Sport Mode โดย Ronin-S สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 12 ชั่วโมง และที่สำคัญสามารถใช้งานร่วมกับกล้อง DSLR และ Mirrorless ได้เกือบทุกรุ่นที่มีขายบนท้องตลาดอีกด้วย เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานตั้งแต่ระดับผู้เริ่มต้น ไปจนถึงระดับมืออาชีพ ทำให้ DJI Ronin-S มีให้เลือกถึง 2 รุ่น ได้แก่ Ronin-S Essentials Kit และ Ronin-S Standard Kit ( สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมจากบทความ เปรียบเทียบชัดๆ Ronin-S Essentials vs Standard เลือกซื้อตัวไหนดี )

 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : DJI
แปลและเรียบเรียงโดย : DJI13STORE

Shopping cart
Chat Icon
Start typing to see posts you are looking for.
สินค้า
Sidebar
รายการที่สนใจ
0 items ตะกร้าสินค้า
บัญชีผู้ใช้งาน